เป็นที่ทราบกันดีว่าทรัพยากรน้ำมันเป็น ทรัพยากรที่มีจำกัด และจะหมดไปจากโลกในวันใดวันหนึ่งในอีกภายใน 50-100 ปี นับจากนี้ไป กลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปในปัจจุบัน มีแนวโน้มสูงมาก ที่จะเห็นภาพของความขาดแคลนน้ำมัน และราคาน้ำมันที่มีราคาแพงกว่า ทองคำ หรือ เพชร กลุ่มคนที่มีโอกาสได้ใช้น้ำมันนั้นในตอนนั้น คงจะต้องเป็นคนที่มีฐานะระดับอภิมหาเศรษฐี หรือ เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเท่านั้น แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 40 ลงมา ก็เป็นไปได้ที่ตอนนั้นอาจจะต้องใช้พลังงานในรูปแบบอื่นๆ ก็เป็นได้....แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ตัวผู้เขียนเองคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเป็นแน่แท้...ยกเว้นดันมีอายุยืน 100-150 ปี
จากลิตรละ 30 บาท ไปสู่ ลิตรละ 120 บาท ในปี 2020
ตามกฎ Demand-Supply เมื่อ Demand มาก แต่ Supply น้อย ตัวแปรที่จะแปรผันตรง หรือ แปรผกผันกับ Demand และ Supply ก็คือ ราคาที่สูงขึ้นในกรณีของน้ำมันก็เช่นเดียวกัน เมื่อปริมาณลดน้อยลง แต่ในขณะเดียวกันปริมาณความต้องการกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น ก็คือ ราคาจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านน้ำมัน ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2020 (อีก 7 ปีข้างหน้า) ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าในปี 2010 ถึง 400% นั่นหมายความว่า ถ้าหากในปัจจุบัน (2013) เราซื้อน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมัน สมมุติว่า ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร เมื่อถึงปี 2020 เป็นไปได้ว่าราคาต่อลิตร อาจจะเพิ่มเป็นลิตรละ 120 บาท
ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
เมื่อถึงตอนนั้น ซึ่งราคาน้ำมันมีราคาสูงกว่าในปัจจุบันถึง 4 เท่า เจ้าราคาที่แพงลิบลิ่วนั่นจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราในทุกๆ มิติ เพราะน้ำมันคือทรัพยากรพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า, การเดินทาง, การผลิต และอื่นๆ อีกมากมาย จนยากที่ผู้เขียนจะจินตนาการได้ หรือ ไม่อยากจะจินตนาการ เพราะมันอาจเลวร้ายจนไม่อยากจะเห็นภาพเหล่านั้น
ผลกระทบต่อขีดความสามารถในการปฏิบัติการของกองทัพ
กองทัพ ซึ่งมียุทโธปกรณ์จำนวนมากที่จำเป็นจะต้องขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เกิดขึ้น จากการเผาไหม้ของน้ำมัน และมีอัตราการสิ้นเปลืองสูง เนื่องจากถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ตามมาตรฐานทางทหาร อีกทั้งยุทโธปกรณ์ที่ถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน อัตราสิ้นเปลืองต่างๆ ก็จะสูงมากขึ้นกว่าปกติ....งบประมาณที่ถูกใช้ไปในการจัดหาเชื้อเพลิงเช่น น้ำมัน ซึ่งในปัจจุบันก็ใช้งบประมาณสูงมากอยู่แล้ว จะสูงขึ้นไปอีกไม่น้อยกว่า 4 เท่า หรือ 400% ดังนั้นงบประมาณที่สูงขึ้นในส่วนนี้ ก็จะไปลดสัดส่วนงบประมาณในเรื่องอื่นๆ อีกทั้งมีแนวโน้มสูงมากที่งบประมาณในภาพรวมของกองทัพ ที่ถูกปรับลดอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี ยิ่งจะทำให้จำนวนงบประมาณที่จะนำไปใช้ในเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการจัดหาเชื้อเพลิง จะยิ่งน้อยลงไปเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นถึงระดับนั้น จำนวนปริมาณน้ำมันที่กองทัพจัดหาก็มีแนวโน้มที่จะลดน้อยลง เมื่อน้ำมันที่จัดหาลดน้อยลง...ผลที่ตามมา ก็คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของกองทัพก็จะลดน้อยลง ด้วย
พลังงานทดแทนคือทางออก
ภาพที่ผมนำเสนอในเรื่องการลดลงของ “ขีดความสามารถในการปฏิบัติการของกองทัพ” ในหัวข้อที่ผ่านมานั้น ดูจะเป็นภาพที่ค่อนข้างเลวร้าย....ถ้าหากเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออก....ทางออก ก็คือ การนำพลังงานทดแทนมาใช้พลังงานทดแทนมีมากมายหลายรูปแบบ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ, พลังงานชีวภาพ (Bio-Energy เช่น สาหร่าย เป็นต้น), พลังงานหน่วยผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (เช่น ในรถยนต์แบบ Hybrid) ซึ่งใน ปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ค่อนข้างจากรุดหน้าไปไกลมาก และมีราคาที่ถูกลงไปเรื่อย ยกตัวอย่างเช่น ราคาของต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจาก Solar Cell จำนวน 1 Watt นับจากปี 2000 ลดลงกว่า 85% (สมมุติในปี 2000 ต้นทุนต่อหน่วยในปี 2000 มีต้นทุนหน่วย 100 บาท ปัจจุบันลดลงเหลือ 15 บาท เป็นต้น) และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งมีอัตราการก้าวหน้าที่ค่อนข้างก้าวกระโดด ก็มีความเป็นไปได้ที่อีก 5 – 10 ปีข้างหน้า ราคาต่อหน่วยอาจจะลดลงไปน้อยกว่า 5 บาทต่อไฟฟ้า 1 Watt ก็เป็นได้
ปี 2040 พลังงานทดแทนจะเป็นแหล่งพลังงานหลักแทนน้ำมัน
จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพลังงานทด แทน เช่น Solar Cell ที่ผมยกตัวอย่างข้างต้น ส่งผลให้นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไป อัตราการความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพลังงานทดแทนนั้น จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งประมาณปี 2040 พลังงานทดแทนจะเริ่มมามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะพลังงานหลัก ที่มาทดแทนพลังงานที่เกิดขึ้นจากน้ำมัน
ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
เวลาอีก 20 ปีเศษนำจากนี้ไป ดูเหมือนจะนาน แต่ในความเป็นจริง เวลาผ่านไปเร็วมาก ดังนั้นการเตรียมการรับมือของสถานการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่ปัจจุบันจึงเป็นสิ่งจำเป็น การพัฒนายุทธศาสตร์ แนวทาง หนทางปฏิบัติ และแผนรองรับที่เป็นรูปธรรม จะทำให้องค์กรหนึ่ง โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ เช่น กองทัพ เป็นต้น พร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอัน ใกล้นี้...